ลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ กฎหมายคุ้มครองแค่ source code จริงหรือ?
การพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันถือเป็นการลงทุนที่สำคัญไม่เพียงแต่ในด้านธุรกิจ แต่ยังมีมูลค่าทางปัญญาและทรัพย์สินทางปัญญาที่ควรได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย ซึ่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ใช่แค่เฉพาะผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่ควรรู้ แต่ยังเป็นประเด็นที่ผู้ใช้งานหรือบุคคลทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ควรเข้าใจเช่นกันค่ะ
1. ลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ถือเป็นงานที่สามารถได้รับการคุ้มครองในฐานะ “งานวรรณกรรม” ซึ่งหมายความว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทุกตัวที่ถูกพัฒนาขึ้น จะได้รับการคุ้มครองโดยอัตโนมัติทันทีที่โปรแกรมนั้นเสร็จสมบูรณ์ โดยไม่ต้องไปดำเนินการจดแจ้งลิขสิทธิ์
ในทางปฏิบัติ หากคุณเป็นผู้พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โปรแกรมของคุณจะได้รับการคุ้มครองตั้งแต่วันที่โปรแกรมนั้นได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว และไม่จำเป็นต้องเปิดเผย source code หรือรหัสต้นฉบับให้ใครเห็นเพื่อให้เกิดการคุ้มครองนี้
2. คุ้มครองแค่ source code จริงหรือ?
หนิงว่า หลายคนอาจสงสัยว่าการคุ้มครองลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์จะครอบคลุมแค่ส่วนไหนบ้าง โดยเฉพาะคำถามที่ว่า “การคุ้มครองจะมีแค่ในส่วนของ source code หรือไม่?” คำตอบคือ ใช่ค่ะ การคุ้มครองลิขสิทธิ์จะเน้นไปที่ source code หรือรหัสต้นฉบับของโปรแกรมที่ผู้พัฒนาสร้างขึ้น ซึ่งถือเป็นผลงานที่มีลักษณะเป็นงานเขียนหรือรหัสที่สามารถอ่านได้
ส่วนที่เป็นการแสดงผลของโปรแกรม เช่น UI (User Interface) หรือ GUI (Graphical User Interface) ที่ผู้ใช้เห็นบนหน้าจออาจจะไม่ได้รับการคุ้มครองในฐานะงานวรรณกรรมตามกฎหมายลิขสิทธิ์ เนื่องจากมักจะมองว่าเป็นลักษณะของ “ความคิดสร้างสรรค์” ในแง่ของการออกแบบประสบการณ์ใช้งาน (UX) ซึ่งไม่ใช่ข้อความหรือรหัสที่สามารถอ่านได้โดยตรง
3. การคุ้มครองในทางปฏิบัติเมื่อเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์
ในมุมมองของหนิง หากเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์โดยการคัดลอก source code หรือรหัสต้นฉบับโดยไม่ได้รับอนุญาต การดำเนินคดีในกรณีนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากหลักฐานที่เป็น source code สามารถถูกทำลายหรือย้ายที่ได้ง่าย ซึ่งทำให้การพิสูจน์ในทางกฎหมายอาจจะไม่สะดวกหรือยากมาก
ตัวอย่างเช่น หากอดีตพนักงานที่เคยทำงานกับบริษัทนำ source code ไปใช้ในทางที่ผิด หรือเอาไปขายต่อ การติดตามและหาหลักฐานในกรณีนี้อาจจะต้องใช้กระบวนการที่ซับซ้อน เช่น การตรวจสอบระบบคอมพิวเตอร์, การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการติดตามแหล่งที่มาของ source code ที่ถูกขโมยไป หรือแม้แต่การตรวจสอบข้อมูลการใช้งานที่เกี่ยวข้อง
4. การแจ้งความและการดำเนินคดี
ในกรณีที่คุณพบว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์จากการคัดลอก source code หรือรหัสต้นฉบับ และต้องการดำเนินคดี คุณสามารถแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ แต่จะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน เช่น สัญญาการจ้างงาน, การบันทึกข้อมูลการพัฒนาโปรแกรม หรือแม้แต่การตรวจสอบการใช้ source code ที่ถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ในบางกรณี หากเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและยากต่อการหาหลักฐาน ทางตำรวจอาจแนะนำให้ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายที่เหมาะสม เช่น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการตรวจสอบ
5. การป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์
การป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นทำได้โดยการรักษาความลับของ source code หรือรหัสต้นฉบับอย่างรัดกุม การเซ็นสัญญากับพนักงานหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาโปรแกรมให้ชัดเจน และการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยี เช่น การเข้ารหัสข้อมูลหรือการใช้เครื่องมือควบคุมการเข้าถึง เพื่อป้องกันการละเมิดนะคะ
การคุ้มครองลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยมีความสำคัญต่อผู้พัฒนาโปรแกรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพราะการมีลิขสิทธิ์สามารถปกป้องงานจากการถูกละเมิดหรือคัดลอกโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ แม้ว่าการคุ้มครองจะครอบคลุมแค่ source code หรือรหัสต้นฉบับ แต่หากเกิดการละเมิดก็ยังสามารถดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนได้ แต่อย่างไรก็ตาม ความระมัดระวังในการเก็บรักษาข้อมูลและการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์จากต้นทางก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ
หนิง นันทิชา