คดีทางการแพทย์: ใช่คดีผู้บริโภคหรือไม่? เปิดข้อกฎหมายที่หลายคนไม่รู้

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

มาคุยกันเกี่ยวกับคดีทางการแพทย์ในบริบทของคดีผู้บริโภค: แนวทางตามกฎหมายไทย กันเถอะ

เริ่มจากหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อน

1. พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551

กฎหมายฉบับนี้ได้ให้คำจำกัดความของ “ผู้บริโภค” ว่า คือ บุคคลที่ซื้อสินค้า หรือใช้บริการเพื่อการอุปโภคบริโภค ไม่ใช่เพื่อประกอบกิจการในเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม ดังนั้น การรับบริการใด ๆ ที่มีลักษณะเป็นการให้บริการต่อบุคคลธรรมดา เช่น การรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลเอกชน ย่อมอาจอยู่ในขอบเขตของคดีผู้บริโภค หากเกิดข้อพิพาทจากความเสียหายอันเนื่องมาจากการให้บริการดังกล่าว

2. พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายนี้เป็นกฎหมายเฉพาะที่ใช้ควบคุมการดำเนินกิจการของสถานพยาบาล โดยเฉพาะสถานพยาบาลเอกชน ซึ่งได้รับอนุญาตให้ดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายดังกล่าว ถือว่าเป็น “ผู้ให้บริการ” ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของภาครัฐในด้านมาตรฐานการประกอบวิชาชีพ

3. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ความรับผิดในกรณีเกิดความเสียหายจากการให้บริการทางการแพทย์ อาจเกิดขึ้นได้จากสัญญาหรือการกระทำละเมิด เช่น แพทย์หรือสถานพยาบาลกระทำโดยประมาทเลินเล่อ ทำให้ผู้ป่วยได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะในด้านร่างกายหรือจิตใจ

ทีนี้ มาดูแนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับคดีทางการแพทย์ กันบ้าง

แนววินิจฉัยของศาลฎีกาในหลายคดีได้ให้ความชัดเจนว่า กรณีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจากสถานพยาบาลเอกชน ซึ่งมีการเรียกเก็บค่าบริการอย่างเป็นกิจจะลักษณะ การให้บริการดังกล่าวถือเป็นการให้บริการภายใต้ความหมายของกฎหมายผู้บริโภค และหากเกิดข้อพิพาทขึ้น ผู้เสียหายสามารถนำคดีขึ้นสู่ศาลในฐานะคดีผู้บริโภคได้

แต่มันก็มีข้อยกเว้นนะ นั่นคือ กรณีที่เป็นสถานพยาบาลของรัฐ

ทราบหรือไม่ว่า ในทางกลับกัน กรณีที่ประชาชนเข้ารับบริการจากสถานพยาบาลของรัฐ หรือโรงพยาบาลที่สังกัดส่วนราชการ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายในการจัดให้มีบริการสาธารณสุขแก่ประชาชนโดยทั่วไป แม้บางกรณีผู้ป่วยจะต้องชำระค่ารักษาพยาบาลตามอัตราที่กำหนดไว้ แต่ลักษณะของค่าบริการดังกล่าว ไม่ถือว่าเป็นค่าตอบแทนในการให้บริการทางธุรกิจ ตามความหมายของกฎหมายผู้บริโภค

เงินที่เรียกเก็บนั้น มีลักษณะเป็น “ค่าธรรมเนียม” หรือ “ค่าใช้จ่ายตามระเบียบของทางราชการ” ซึ่งเก็บเพื่อจุดประสงค์อื่น เช่น เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระงบประมาณแผ่นดิน หรือเพื่อส่งเสริมความรอบคอบในการเข้ารับบริการบางประเภท — ลักษณะเช่นนี้เปรียบได้กับค่าธรรมเนียมศาลที่ผู้ฟ้องคดีต้องชำระ แต่ไม่ได้ถือเป็นค่าตอบแทนในการ “ซื้อบริการพิจารณาคดี” ของศาลแต่อย่างใด

นอกจากนี้ หากมีการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานพยาบาลของรัฐ คดีดังกล่าวมักอยู่ภายใต้บังคับของ พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับความรับผิดของเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำการโดยชอบแต่ก่อให้เกิดความเสียหาย

กล่าวโดยสรุปแล้ว

คดีทางการแพทย์ในประเทศไทย สามารถจัดอยู่ในข่ายคดีผู้บริโภคได้ หากเป็นการรับบริการจากสถานพยาบาลที่ดำเนินการในลักษณะธุรกิจ เช่น โรงพยาบาลเอกชนที่เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลโดยตรงจากผู้ป่วย และเกิดความเสียหายจากการให้บริการนั้น

ในขณะที่การรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของรัฐ โดยเฉพาะในกรณีที่ให้บริการสาธารณสุขตามพันธกิจของหน่วยงานรัฐ อาจไม่ถือเป็น “การให้บริการตามกฎหมายผู้บริโภค” ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของการให้บริการ และฐานะของผู้ให้บริการเป็นสำคัญ

ไกรวัล

The library – Your reference library


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

Bloggers

About ไกรวัล
ทำงานกฎหมาย ร่าง เจรจาสัญญาธุรกิจระหว่างประเทศมานาน 15 ปี เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษและไวยากรณ์ขั้นสูงในงานกฎหมาย รอบรู้เรื่องเอกสารภาษาอังกฤษในงานธุรกิจ เรียบเรียงหนังสือเรียนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการมากกว่า 20 เล่ม เคยชนะเลิศอันดับหนึ่งการคัดเลือกหานักเขียนนิตยสาร I Get English เคยทำคะแนน TOEIC เต็ม 990 ทำ IELTS score 8 โดยเฉพาะ writing part และหนึ่งในสามคนไทยที่สอบได้ใบอนุญาตฟีฟ่าประกอบธุรกิจตัวแทนนักฟุตบอลทั่วโลกครั้งแรก ไกรวัลจบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขา International Business (awarded with Distinction) จาก University of Wollongong และสาขาการเงิน จาก University of Newcastle