ภาษี กับ กิจกรรมส่งเสริมการขาย ของแถม คูปองส่วนลด


ใครๆ ก็อยากให้ยอดขายพุ่ง ธุรกิจเติบโตไว กิจกรรมส่งเสริมการขายจึงเป็นหัวใจของแผนการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการแจกของแถม แจกคูปอง ลดราคา หรือคืนเงินให้ตัวแทนจำหน่าย แต่รู้หรือไม่ว่า… “ของแถม” ที่คุณมองว่าเล็กน้อย อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ในสายตาสรรพากร ถ้าคุณไม่วางแผนภาษีให้ดี

ในฐานะผู้หญิงที่อยู่กับตัวเลขและเอกสารภาษีมาไม่น้อย  หนิงอยากชวนคุณมามอง “กิจกรรมการตลาด” ด้วยแว่นภาษี เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจต้องเสียสิทธิ์ หรือโดนประเมินย้อนหลังแบบไม่ทันตั้งตัว

บริหารภาษีเริ่มที่  แยกประเภทให้ชัดค่ะ

กิจกรรมการส่งเสริมการขายไม่ได้มีแค่ “แจกของ” ค่ะ สิ่งสำคัญคือต้องแยกให้ได้ว่าเป็น ของแถมพร้อมขาย  สินค้าทดลองใช้   คูปองส่วนลด  หรือ ค่าตอบแทนให้ตัวแทน  เพราะแต่ละประเภทมีผลต่อภาษีไม่เหมือนกันเลยนะคะ

1. ของแถมที่แนบมากับการขาย

ถ้าคุณขายสินค้าแล้ว “แถมของเพิ่ม” ให้ลูกค้าในบิลเดียวกัน ถือว่ามีมูลค่ารวมกัน ต้องรวมอยู่ในฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และออกใบกำกับภาษีให้ชัดเจน  โดยหากมูลค่าของแถมสูง ควรแสดงแยกในเอกสารเพื่อป้องกันความสับสน และใช้เป็นต้นทุนได้อย่างถูกต้อง

2. ของแถมหรือของทดลองให้ใช้ฟรี

ถ้าแจกของฟรีแบบไม่มีการซื้อขาย (เช่น ให้ลูกค้าทดลองใช้) — แบบนี้ไม่ถือเป็นการขาย ไม่ต้องนำมาคำนวณ VAT แต่ต้องเก็บหลักฐานการโอนหรือเบิกสินค้าให้ชัด เพื่อแสดงว่าไม่ใช่รายได้ และป้องกันการถูกตีความผิด

3. คูปองส่วนลด (Coupon, Promo Code)  หรือเงินคืน (Rebate)

เมื่อออกคูปองให้ลูกค้าใช้ลดราคาครั้งหน้า ต้องมีการออกใบกำกับภาษีใหม่ที่แสดงราคาหลังหักส่วนลด

ถ้าเป็นการโอนเงินคืนให้ตัวแทนหลังบรรลุเป้ายอดขาย แบบนี้ผู้รับเงินจะต้องถูก หักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตรา 3% หรือ 5% ตามลักษณะ

เอกสารคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด

อย่าคิดว่าแค่ “บริสุทธิ์ใจ” หรือ “มีเจตนาดี” จะปลอดภัยนะคะ สรรพากรเขาพิจารณาจากหลักฐานและเอกสารประกอบเป็นหลัก

– ใบกำกับภาษีต้องแสดงรายละเอียดของรายการส่งเสริมให้ครบถ้วน

– รายการเบิกสินค้าแจกต้องมีเอกสารขออนุมัติและลงนาม

– การโอนเงินให้ตัวแทนควรมีเงื่อนไขชัดเจน และเอกสารประกอบการหักภาษี ณ ที่จ่ายแนบทุกครั้ง

ขายเก่งแล้ว ต้อง วางแผนภาษีเก่ง ด้วยนะคะ

เพราะของแถมไม่ใช่ของฟรีในสายตากฎหมายภาษี   กิจกรรมที่คุณคิดว่าเพิ่มยอดขายได้ อาจกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่ “หักไม่ได้” หรือโดนประเมินภาษีย้อนหลังถ้าไม่มีเอกสารประกอบ   ลองวางแผนภาษีควบคู่กับการวางแผนโปรโมชัน แล้วคุณจะพบว่า “ภาษีที่บริหารดี” คือทุนที่ช่วยธุรกิจโตอย่างมั่นคง ไม่ใช่แค่ในสายตาสรรพากร…แต่ในสายตาลูกค้าด้วยเช่นกันค่ะ

ก่อนไป หนิงแถม checklist สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาด ให้ค่ะ

1. ก่อนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย  ให้ตรวจสอบรายการเหล่านี้

– ระบุประเภทกิจกรรมให้ชัดเจน (เช่น: แจกของ, ลดราคา, เงินคืน ฯลฯ)

– ประเมินผลทางภาษีของกิจกรรม (VAT / หัก ณ ที่จ่าย / สิทธิหักรายจ่าย)

– ทำเอกสารอนุมัติกิจกรรมภายใน (Memo หรือ Internal Approval)

– แจ้งฝ่ายบัญชีล่วงหน้า

– วางแผนเอกสารประกอบ เช่น ใบกำกับภาษี, สัญญา

2. ระหว่างจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ให้ตรวจสอบรายการเหล่านี้

– จัดทำใบกำกับภาษีถูกต้อง (รวมมูลค่าของแถมถ้ามีในบิลขาย)

– หากเป็น “ของแถมที่ให้เปล่า” มีเอกสารเบิกของจากสต็อก

– หากจ่ายค่าจ้างเอเจนซี่ จ่ายค่าจ้าง Influencer จ่ายค่าจ้างผู้ให้บริการ จะต้องมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย

– กรณีจ่ายรางวัลให้ลูกค้า: มีแบบฟอร์มรับเงินและสำเนาบัตรประชาชน

-ถ่ายภาพหรือแนบหลักฐานการจัดกิจกรรม (ใช้ประกอบเอกสารภาษีได้)

3. หลังจบกิจกรรมส่งเสริมการขาย  ให้ตรวจสอบรายการเหล่านี้

– รวบรวมเอกสารประกอบรายจ่ายทั้งหมด (ใบเสร็จ, หนังสืออนุมัติ ฯลฯ)

– ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 3  ภ.ง.ด. 53 กรณีมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย

– บันทึกต้นทุนกิจกรรมอย่างถูกต้องในบัญชี

– ตรวจสอบสิทธิในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี VAT จากการซื้อ)

– เก็บเอกสารไว้อย่างน้อย 5 ปี ตามระยะเวลาตามกฎหมาย

ตัวอย่างเอกสารหรือแบบฟอร์มที่ควรเตรียมไว้

1. บันทึกอนุมัติภายในสำหรับกิจกรรมการตลาด  — ใช้เพื่อขออนุมัติเบิกของ, จัดโปรโมชั่น หรือแจกของแถม

2. แบบฟอร์มเบิกของเพื่อแจก (Free Sample / ของแถม) – ใช้เพื่อแสดงว่าสินค้าไม่ได้ขาย แต่แจกตามแผนกิจกรรม

3. ใบรับเงินรางวัลหรือของขวัญ (พร้อมหักภาษี ณ ที่จ่าย) – ใช้กับกิจกรรมแจกรางวัล เช่น แคมเปญ “แชร์แล้วลุ้นโชค”

4. ตารางสรุปกิจกรรมการตลาด (ใช้ประกอบบัญชี) – ใช้เพื่อรวบรวมต้นทุนกิจกรรมตามรายการ

หนิง นันทิชา


Bloggers

About หนิง นันทิชา
นักกฎหมาย(ยัง)สาว ด้าน Commercial Law ชำนาญการตรวจสอบสัญญาธุรกิจ ศึกษาเรื่องการบริหารทรัพย์สินทางปัญญาให้เกิดมูลค่าเชิงพาณิชย์นานนับ 10 ปี รักในการถ่ายทอดความรู้เทคนิคการอ่านการตีความเงื่อนไขทางธุรกิจให้กับกลุ่มคนที่ไม่ใช่นักกฎหมาย เคยทำงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาในมหาวิทยาลัยรัฐและปัจจุบันดูแลงานกฎหมายในบริษัทมหาชน นันทิชาเป็นศิษย์เก่า Queen Mary, University of London (QMUL) School of Law สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท LLM สาขา Intellectual Property Law และ LLM with Merit สาขา Tax Law และเนติบัณฑิตไทย