ฝากหุ้นให้คนอื่นถือ: ความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง ทำอย่างไรเมื่อต้องถือหุ้นแทนกัน


คนที่ไม่ใช่แฟน ถือหุ้นแทนกันได้ไหม?

ในโลกของธุรกิจขนาดเล็กและบริษัทจำกัด ปัญหาที่เจ้าของกิจการหลายคนเคยเจอ คือ “การถือหุ้นแทน” (Nominee Shareholding) หรือการที่ฝากให้คนอื่นใส่ชื่อเป็นผู้ถือหุ้นแทนตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นญาติ เพื่อนสนิท หรือหุ้นส่วนที่ไว้ใจ เหตุผลก็มีหลากหลาย บางครั้งเพราะยังไม่พร้อมเปิดเผยชื่อ บางครั้งเพื่อความสะดวกในการจัดโครงสร้าง บางครั้งก็หลบเลี่ยงปัญหาภาษีหรือการตรวจสอบบางอย่าง หรือบางทีก็แค่ต้องการให้ครบตามจำนวนผู้ถือหุ้นขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด

ใคร คือ เจ้าของหุ้นตามข้อสันนิษฐานของกฎหมาย?

แม้เหตุผลของการถือหุ้นแทนจะจำเป็นซักแค่ไหน แต่สิ่งที่หลายคนมักมองข้าม คือ ผลทางกฎหมายหากเกิดข้อพิพาท เพราะตามกฎหมายแล้ว คนที่มีชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้น  ใบหุ้น หรือมีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ต้องนำส่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทุกปี (บอจ.5) ด้วยแล้ว  คือ “เจ้าของหุ้น” โดยสมบูรณ์ หรือจะถูกสันนิษฐานในทางกฎหมายว่าเป็นเจ้าของหุ้น นั่นเอง

ความเสี่ยงของการถือหุ้นแทน

แน่นอนว่า ความเสี่ยงของการถือหุ้นแทน ที่จะตามมา ก็คือ เจ้าของหุ้นตัวจริงอาจเสียสิทธิ์ตามกฎหมาย (เนื่องจากคนไม่มีชื่อถือว่าไม่มีสิทธิ์),  เจ้าของหุ้นตัวจริงอาจถูกใช้สิทธิในทางมิชอบจากการที่ผู้ถือหุ้นตามชื่อ (ผู้ถือหุ้นแทน) อาจโหวต ตัดสินใจ หรือแม้แต่โอนหุ้นโดยพลการ  หรือแม้แต่เงินปันผลก็อาจจะไม่ตกถึงมือของเจ้าของหุ้นตัวจริง ก็เป็นได้ทั้งสิ้น

วิธีป้องกันเมื่อจำเป็นต้องฝากหุ้นไว้กับคนอื่น

แม้จะไม่มีวิธีใดที่รับประกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การมี “หลักฐาน” หรือจะเป็นข้อตกลงลายลักษณ์อักษรที่รัดกุม ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก  อาทิ 

  1. การทำสัญญาผู้ถือหุ้นแทน โดยระบุให้ชัดเจนว่าหุ้นที่ถือเป็นการถือแทนเจ้าของจริง จำนวนหุ้นที่ฝากถือ ระยะเวลาและเงื่อนไขการโอนคืนหุ้น และต้องกำหนดสิทธิ หน้าที่ รวมถึงสิทธิในการรับเงินปันผล  วิธีนี้ถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของคู่สัญญา ดีกว่าการฝากหุ้นไว้เฉย ๆ โดยไม่มีอะไรเป็นลายลักษณ์อักษร  แต่ก็ต้องระวังเรื่องที่ศาลอาจไม่รับรองสัญญาลักษณะนี้ (= นำไปใช้ไม่ได้) หากการฝากหุ้นมีเจตนาหลบเลี่ยงกฎหมาย
  2. การะระบุไว้ในสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น (Shareholders Agreement) วิธีนี้มีข้อดี คือ ไม่ใช่การฝากหุ้นโดยตรง แต่ช่วยกำหนดสิทธิและกลไกการโหวต การโอนหุ้น การจ่ายปันผล และที่สำคัญเป็นการลดโอกาสที่ผู้ถือหุ้นแทน (nominee) จะใช้สิทธิในทางที่เจ้าของตัวจริงไม่ต้องการ  แต่ทั้งนี้ในทางปฏิบัติ การทำสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ถือหุ้นทุกรายให้เข้าทำสัญญานี้ร่วมกัน

แล้วจะเลือกป้องกันด้วยวิธีไหนดี?

หากต้องฝากหุ้นไว้กับคนอื่นชั่วคราว เช่น ฝากเป็นชื่อญาติหรือชื่อเพื่อนไว้ อย่างน้อยควรทำสัญญาถือหุ้นแทน พร้อมแนบหลักฐานการโอนเงินลงทุน  หรือถ้ามีหุ้นส่วนหลายราย ควรทำสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น เพื่อป้องกันการโหวตที่สวนทางผลประโยชน์

กล่าวโดยสรุป

การถือหุ้นแทนกันอาจเป็นอะไรที่เลี่ยงไม่ได้  อีกทั้งการถือหุ้นแทนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่หลายคนทำด้วยความไว้ใจ  สิ่งที่ควรทำ คือ หาวิธีป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้า ไม่ใช่ปล่อยให้ทุกอย่างอิงกับความไว้ใจอย่างเดียว  ขณะที่ความไว้ใจเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอในโลกธุรกิจ ซึ่งเมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้น สิ่งที่ต้องมองหา คือ หลักฐานที่ชัดเจน ไม่ใช่คำพูดลอย ๆ  

หากจำเป็นต้องฝากหุ้นให้คนอื่นถือไว้ อย่าลืมสร้างเกราะป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำสัญญาถือหุ้นแทน หรือการทำสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น และแม้ว่า เอกสารเหล่านั้นจะดูยุ่งยาก แต่ก็ยังดีกว่าการเสียหุ้นไปเพียงเพราะขาดเอกสารหลักฐานยืนยัน

อย่าลืมนะคะ!  หุ้น คือ ทรัพย์สิน มีค่าไม่ต่างจากเงินสดหรือที่ดิน  เวลาจะฝากไว้กับใคร ก็ต้องมีหลักฐานเสมอ

สำหรับคุณผู้อ่านที่เป็นผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจที่มีความกังวลเรื่องการถือหุ้นแทนกัน แล้วต้องการหานักกฎหมายช่วยร่างสัญญาผู้ถือหุ้นแทน (ซึ่งหาทนายทำให้ได้ยากอยู่ เนื่องจากไม่มีแบบสัญญาทั่วไป) หรือสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น (ที่ต้องการความละเอียดของเนื้อหาอย่างมาก) ชอุ่มรับดูแลให้นะคะ ติดต่อมาได้เลย

ชอุ่ม รัตติยากร


Bloggers

About ชอุ่ม รัตติยากร
นิติกรสาย in-house ที่ไม่ได้มีแค่ความรู้กฎหมาย แต่ยังเข้าใจผู้คนและมีทักษะสื่อสารเพื่อให้งานเดินหน้าอย่างราบรื่น แม้ชีวิตจะยุ่งอยู่กับงานของฝ่ายกฎหมายมากเพียงใดก็ตาม เธอยังสนุกกับการสังเกตพฤติกรรม พฤติการณ์ในที่ทำงาน รวมถึงเป็นที่ปรึกษาที่ดี ที่พึ่งในการแก้ปัญหาให้เพื่อน ๆ เพราะเชื่อว่า กฎหมายกับชีวิตมนุษย์เงินเดือนใกล้กันกว่าที่หลายคนคิด